หน้าแรก >Blog >Detail

รู้ไว้ก่อนติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ วิธีเลือกฟิล์มให้ถูกกฎหมาย

20 มีนาคม 2568
แชร์ :


ข้อกฎหมายต้องรู้! เลี่ยงปัญหาจากการติดฟิล์มกระจกรถยนต์ผิดระเบียบ

ข้อควรรู้ในการติดฟิล์มกระจกรถยนต์อย่างไรให้ถูกต้อง ปลอดภัย

ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนสุดโหด ยิ่งขับรถกลางแดดก็เหมือนนั่งอยู่ในเตาอบ ไม่แปลกที่หลายคนเลือกติดฟิล์มกระจกรถยนต์ เพื่อช่วยกันความร้อน เพิ่มความเป็นส่วนตัว และป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตราย แต่การติดฟิล์มไม่ใช่ว่าเราจะเลือกแบบไหนก็ได้ เพราะถ้าติดผิดประเภทหรือเลือกใช้ความเข้มเกินที่กฎหมายกำหนดก็อาจโดนใบสั่งแบบไม่รู้ตัว

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจติดฟิล์มกระจกรถยนต์ มาดูกันก่อนว่ามีข้อควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง เลือกยังไงให้ถูกกฎหมาย และที่สำคัญ ควรติดฟิล์มแบบไหนที่ช่วยลดความร้อนได้ดีแถมขับขี่ปลอดภัย มาไขข้อสงสัยทั้งหมดกันที่นี่ได้เลย

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีกี่ประเภท

โดยทั่วไปแล้วฟิล์มกรองแสงรถยนต์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักๆ โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  1. ฟิล์มเซรามิค (Ceramic Film)

    ฟิล์มเซรามิคเป็นฟิล์มกรองแสงที่คนนิยมติดฟิล์มกระจกรถยนต์มากที่สุด ผลิตด้วยเทคโนโลยีนาโนเซรามิค มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ลักษณะภายนอกมีสีดำเข้ม สปอร์ต หรูหรา และเพิ่มความเป็นส่วนตัว ขณะที่ภายในยังคงเคลียร์ชัดด้วยทัศนวิสัยดีเยี่ยมทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% นอกจากนี้ยังป้องกันรังสีอินฟราเรด ได้สูงสุดถึง 99% ทำให้ไม่สะสมความร้อนและห้องโดยสารเย็นเร็วขึ้น ที่สำคัญ ฟิล์มเซรามิคยังไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น GPS, GPRS และ Easy Pass และมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี

  2. ฟิล์มนาโนเซรามิค (Nano-Ceramic Film)

    ฟิล์มนาโนเซรามิคเป็นฟิล์มกรองแสงที่ผสานเทคโนโลยีนาโนเข้ากับเซรามิค มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ทัศนวิสัยคมชัดทั้งภายในและภายนอก มีความทนทานสูงและไม่เปลี่ยนสีหรือซีดจางตามกาลเวลา

  3. ฟิล์มกรองแสงทั่วไป (Dyed Film)

    ฟิล์มกรองแสงประเภทนี้มีสีที่เกิดจากการย้อมสีในชั้นฟิล์ม มีคุณสมบัติในการลดแสงจ้าและเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและรังสี UV เมื่อนำมาติดฟิล์มกระจกรถยนต์อาจไม่สูงเท่ากับฟิล์มเซรามิคหรือฟิล์มนาโนเซรามิค นอกจากนี้ ฟิล์มย้อมสีอาจมีโอกาสซีดจางหรือเปลี่ยนสีได้เมื่อใช้งานไปนานๆ

  4. ฟิล์มโลหะ (Metalized Film)

    ฟิล์มโลหะมีชั้นของโลหะที่ช่วยสะท้อนความร้อนและลดแสงจ้า มีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดี แต่ข้อเสียคืออาจรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ เช่น GPS หรือสัญญาณโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีความเงาค่อนข้างสูง ซึ่งบางคนอาจไม่ชอบ

7 ข้อควรรู้ในการติดฟิล์มกระจกรถยนต์อย่างถูกต้อง

  1. ความเข้มของฟิล์มต้องไม่เกินกฎหมายกำหนด
    ฟิล์มที่มีสีเข้มเกินไปอาจบดบังทัศนวิสัยในตอนกลางคืน ทำให้มองเห็นไม่ชัด เป็นอันตราย และยังเสี่ยงโดนใบสั่งตามกฎหมายไทยกำหนดอีกด้วย โดยปกติแล้วการติดฟิล์มกรองแสงจะต้องมีเปอร์เซนต์ความเข้มที่เหมาะสม ดังนี้
    • กระจกบานหน้า ต้องมีความโปร่งแสงไม่น้อยกว่า 70%
    • กระจกบานข้างหน้า ต้องมีความโปร่งแสงไม่น้อยกว่า 70%
    • กระจกบานข้างหลังและบานหลัง ไม่มีข้อกำหนด สามารถติดเข้มได้ตามต้องการ
  2. ฟิล์มต้องกันรังสี UV ได้จริง
    ฟิล์มที่มีสีเข้มมากก็ไม่ได้แปลว่าจะกันรังสี UV หรือกันความร้อนได้ดีเสมอไป แนะนำให้เลือกติดฟิล์มกระจกรถยนต์ที่มีค่า UV Rejection สูงกว่า 99% และมีค่า IR Rejection สูง เพื่อช่วยลดความร้อนภายในตัวรถ
  3. ฟิล์มสะท้อนแสงมากเกินไป อาจผิดกฎหมายได้
    ฟิล์มบางประเภท เช่น ฟิล์มปรอท หรือฟิล์มที่มีการสะท้อนแสงสูงเกินไป อาจทำให้แสงสะท้อนเข้าตาผู้ร่วมทางและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แถมบางรุ่นอาจผิดกฎหมายอีกด้วย
  4. ฟิล์มต้องไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์
    บางคนติดฟิล์มไปแล้วเจอปัญหา GPS ไม่แม่น สัญญาณ Easy Pass ไม่จับ หรือสัญญาณมือถือขาดๆ หายๆ นั่นเป็นเพราะฟิล์มโลหะบางชนิดไปรบกวนคลื่นสัญญาณ ดังนั้นควรเลือกติดฟิล์มกระจกรถยนต์แบบเซรามิคที่ไม่มีโลหะปะปน
  5. ควรเลือกช่างติดตั้งที่ได้มาตรฐาน
    ฟิล์มดีแค่ไหน แต่ถ้าติดตั้งไม่ดีก็ทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น มีฟองอากาศ ฟิล์มลอกเร็ว หรือขอบฟิล์มไม่เรียบ ดังนั้นควรเลือกศูนย์ติดฟิล์มที่ได้มาตรฐาน มีใบรับประกัน และใช้เครื่องมือที่ทันสมัย
  6. ควรเช็กการรับประกันฟิล์มก่อนติด
    ฟิล์มดีๆ ส่วนใหญ่มาพร้อมการรับประกัน 5-10 ปี หากร้านที่ติดให้ไม่มีการรับประกัน อาจเสี่ยงเจอฟิล์มคุณภาพต่ำที่เสื่อมเร็ว
  7. หลังติดฟิล์มห้ามเปิดกระจกทันที
    หลังติดฟิล์มเสร็จใหม่ๆ ควรรออย่างน้อย 3-7 วันก่อนเปิดกระจก เพื่อให้กาวเซ็ตตัวสมบูรณ์ ไม่งั้นอาจเกิดฟองอากาศหรือฟิล์มหลุดลอกได้

ติดฟิล์มกระจกรถยนต์ความเข้ม 80% ผิดกฎหมายไหม?

ฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้ม 80% หมายถึงฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่านได้เพียง 20% ซึ่งถือว่ามีความเข้มสูง ให้ความเป็นส่วนตัวมาก แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถลดทัศนวิสัยในการมองเห็นได้

ตามกฎหมายจราจรทางบกของประเทศไทย กระจกบานหน้าและกระจกบานข้างหน้าต้องมีความโปร่งแสงไม่น้อยกว่า 70% ดังนั้น การติดฟิล์มที่มีความเข้ม 80% บนกระจกบานหน้าและกระจกบานข้างหน้าถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนกระจกบานข้างหลังและกระจกบานหลัง กฎหมายไม่ได้กำหนดความโปร่งแสง ดังนั้น สามารถติดฟิล์มความเข้ม 80% ได้

การติดฟิล์มกระจกรถยนต์นั้นมีผลต่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่ ดังนั้น การเลือกฟิล์มที่เหมาะสมจะต้องคำนึงถึงทั้งประเภทของฟิล์ม คุณสมบัติในการลดความร้อน การป้องกันรังสี UV และที่สำคัญคือต้องอยู่ในข้อกำหนดของกฎหมายด้วย

ดังนั้น การเลือกฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ บริษัท อัลติเมท รีเฟล็กซ์ จำกัด ผู้นำในวงการฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ขอนำเสนอ “ฟิล์มอัลติเมท” ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ป้องกันรังสี UV ได้สูงสุด 99% ลดความร้อนได้ดี และยังช่วยให้ทัศนวิสัยชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน ติดตั้งโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน เรามั่นใจว่าสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับคุณได้อย่างแน่นอน

Ultimate Reflex ผู้นำด้านการติดฟิล์มกระจกรถยนต์คุณภาพสูง ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
Tel. 063-940-9595, 02-115-5296
Facebook : Ultimate Films
Line : @Ultimate_Films
Instagram : ultimatefilms_official
เว็บไซต์ : www.ultimatefilms.in.th